Hospitality
“ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย”
ผู้บุกเบิก ตำนานวงการโรงแรมไทย
กลุ่มดุสิตธานี เป็นบริษัทสากลในธุรกิจโรงแรมและการให้บริการต้อนรับ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาและขยายขนาดธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโรงแรมใหม่ให้ได้ปีละ 10-12 แห่ง โดยรวมให้ได้ถึง 60 โรงแรมในไม่กี่ปีข้างหน้า โรงแรมที่ใหม่ที่สุดของเครือดุสิตในกรุงเทพฯ ไม่สามารถที่จะไปอยู่ในย่านอื่นได้นอกจากสาทรเท่านั้น สาทรเป็นย่านธุรกิจที่เพรียบพร้อมใจกลางกรุงเทพฯ เดินทางได้ง่ายโดยใช้รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน เปี่ยมล้นไปด้วยกิจการท้องถิ่นมากมาย และวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ในชุมชน
ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และทีมงานดุสิตธานี
ที่มา: www.dusit-international.com
ในปี พ.ศ. 2492 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรม “ปริ๊นเซส” ได้ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับสากลอย่างเต็มตัว สิ่งที่ผู้คนในยุคนั้นไม่เคยคาดว่าจะเป็นไปได้ คือนักธุรกิจที่สามารถสร้างเครือข่ายโรงแรมที่ใหญ่โต และทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการท่องเที่ยวไปทั่วโลกนั้น เป็นเพียงผู้หญิงหนึ่งคน หากเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยวันละ 72,000 คน ณ ปัจจุบันนี้ จำนวนนักการทูตและพนักงานสายการบินที่พักอยู่ในโรงแรม “ปริ๊นเซส” ในช่วงต้น ซึ่งมีเพียง 60 ห้อง จะดูเหมือนเป็นตัวเลขที่ไม่มีความสำคัญ แต่ที่แท้แล้ว ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุยเป็นผู้สร้างโรงแรมรับนักท่องเทียวต่างชาติแห่งแรกบนเจริญกรุง เป็นผู้บุกเบิกและมีเป้าหมายที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่นในยุคนั้น
ดุสิตธานีในปี ค.ศ. 1948
ที่มา: www.dusit-international.com
ในช่วงสงครามอินโดจีน ท่านผู้หญิงชนัตถ์เห็นช่องทางการขยายตัวของธุรกิจโรงแรม เนื่องจากทหารอเมริกันมาตั้งฐานทัพในเมืองไทย ท่านผู้หญิงชนัตถ์เพิ่มจำนวนห้องพัก สร้างสระว่ายน้ำ และยกระดับการบริการให้เทียบเท่ากับโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวในสมัยนี้ ในปี พ.ศ. 2513 โรงแรม ดุสิตธานี ถูกก่อตั้งขึ้น โดยเป็นอาคาร 23 ชั้น จุดเด่นคือยอดกุฎาสีทองตั้งตระหง่านกลางดาดฟ้า ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น แขกโรงแรมสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว โรงแรมแห่งความทรงจำนี้ ได้รับรองแขกสำคัญอย่าง Jackie Chan, Margaret Thatcher, Coldplay, Whitney Houston และ Tom Jones
ดุสิตธานีกำลังเปิดใหม่อีกครั้ง
ที่มา: www.dusit-international.com
ในปี พ.ศ. 2562 โรงแรมได้กลายเป็นภาพแห่งความหลัง โรงแรมดุสิตธานีถูกทุบทิ้งเพื่อก่อสร้างเป็นคอมเพลกส์ขนาดใหญ่ ในช่วง 50 ปี แห่งความทรงจำ สิ่งที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้ก่อตั้งขึ้นมา เติบโตมาเป็นบริษัทสากลที่มีเครือข่ายโรงแรมถึง 16 ประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์, ตะวันออกกลาง, อินเดีย, จีน, สหรัฐอเมริกา และ มัลดีฟส์ และท่านผู้หญิงได้ก่อตั้งวิทยาลัยการโรงแรม Dusit Thani College ที่มุ่งเน้นด้านความเป็นเลิศทางวิชาการและการจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ ท่านผู้หญิงชนัตถ์เป็นนักประกอบการอย่างแท้จริง ท่านมีความเข้าใจในเรื่องการตลาด สร้างจุดเด่นธุรกิจให้แตกต่างจากคู่แข่ง ปรับตัวตามวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งในหลากหลายธุรกิจ โรงแรมดุสิตธานีไม่ได้เป็นเพียงแต่โรงแรมที่ใหญ่แค่ขนาดเท่านั้น แต่เป็นแหล่งพัฒนาการบริการต้อนรับให้ยกระดับมาตราฐานขั้นสูง เป็นตัวอย่างให้กับธุรกิจเดียวกันในกรุงเทพ ในยุคของดุสิตธานี มีทั้ง ไนท์คลับ ดิสโก้เธค discotheque ห้องจัดเลี้ยง และร้านอาหารหรูหราบนยอดตึก เหมือนสิ่งที่ได้เห็นเป็นปรกติในโรงแรมยุคสมัยนี้ กว่าที่ผู้หญิงในยุคนี้จะถูกเรียกเป็น “girlboss” ท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้ล้ำหน้าเป็น girlboss ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และทีมงานดุสิตธานี
ที่มา: www.dusit-international.com
เป็นการหล่อหลอมธุรกิจเข้ากับเอกลักษณ์ของประเทศอย่างกลมกลืน เปรียบเสมือนหยิบยื่น “ความเป็นไทย” เข้าสู่มือนักท่องเที่ยวอย่างสวยงาม
ซึ่งก็คือ “soft power” นั่นเอง
ท่านผู้หญิงชนัตถ์มีสายตาที่กว้างไกล ท่านได้นำวัฒนธรรมไทย อาหารไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และ เสน่ห์ของคนไทย เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ดุสิต วิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของท่านผู้หญิง คง “ความเป็นไทย” ให้เป็นจุดเด่นของแบรนด์ดุสิต และ คงให้วัฒนธรรมของประเทศยังคงอยู่
ห้องภายในดุสิตธานี
ที่มา www.dusit.com/dusitthani-bangkok
ห้องภายในดุสิตธานี
ที่มา: www.dusit.com/dusitthani-bangkok
ท่ามกลางการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เครือดุสิตสร้างสีสันใหม่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ด้วยการเปิดโรงแรม ASAI Bangkok Sathorn โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ที่กิ๊บเก๋ ในซอย 12 ไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะต้องมนเสน่ห์เมื่อมาย่านนี้ ย่านที่เคยเป็นบ้านของเจ้าขุนมูลนาย เปลี่ยนแปลงมาเป็นอาคารสำนักงาน คอนโดสุดหรู รายล้อมไปด้วยคาเฟ่ แกลเลอร์รี่ ร้านอาหาร และ บาร์ ให้เลือกมากมาย ความโบราณและความสมัยใหม่จับมือกันอย่างลงตัว ดั่งเช่นแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีตที่เคยเป็นสายน้ำในหัวใจของการค้าขาย ในปัจจุบันมีตึกสูงตั้งตระหง่านอยู่ริมสองฝั่ง ถ่ายทอดเหมือนเป็นภาพยนตร์แสดงเรื่องราวของความเป็นเครือดุสิตธานี